|  | 
					| ![[icon-delete : 101 bytes]](img/icon-delete.gif) | 
					| " แต่ มหาวิทยาลัยเอกชนมีปัญหาหลายด้าน....... " | 
					|  |  | แต่ มหาวิทยาลัยเอกชนมีปัญหาหลายด้าน..... 
 ขอให้ผมพูดความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเอกชน เพราะการเข้าเรียนหมายถืงเงิน เวลา ความรู้สืกที่อาจเสียไป
 มหาวิทยาลัยเอกชนแต่ละแห่งต่างกัน
 ในส่วนที่ผมเห็น
 
 หนื่ง นักศืกษามหาวิทยาลัยเอกชนประมาณครื่งหนื่งลาออก เมื่อจบชั้นปีที่หนื่ง ด้วยหลายสาเหตุ
 >กู้เงิน กยศ ไม่ได้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งโฆษณาให้นักศืกษาเข้าเรียนโดยบอกว่ามีทุน กยศมาก
 >นักศืกษาไม่พอใจบรรยากาศห้องเรียน การเรียนในชั้น เพื่อน อาจารย์ สังคม
 >ลาออกไปสอบเข้าใหม่ ที่อื่น เรียกว่า ซิ่ว
 .> ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายแพง เรียนไปไม่คุ้ม ไม่มีเงินเรียน
 ผมเคยคิดเลขเล่นๆว่า รายได้ที่มหาวิทยาลัยเอกชนได้รับจากเด็กที่มาเรียนหนื่งปีแล้วลาออกเป็นเงินหลายพันล้านบาท เป็นความสูญเสียของนักเรียนและผู้ปกครองต่อเนื่องนับสิบปี บางมหาวิทยาลัยตั้งค่าเทอมปีแรกสูง แล้วค่อยๆลดลง
 ตอนปีสอง การลาออกยังมีต่อเนื่องในหลายคณะ การวางแผนการสอนยุ่งมาก จิตใจของคนที่เรียนต่อย่อมอ่อนไหว
 ระวังเรื่องค่าใช้จ่าย ดูให้แน่ใจ แม้กระทั่งโครงการพิเศษแนวอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยรัฐก็ต้องระวัง เช่น วิศวะนานาชาติของมธ เข้าปีหนื่ง 800 จบเพียง 300 ค่าเรียนแพงนะครับ MUIC SUIC ก็เช่นกัน
 
 สอง อุปกรณ์การสอน เครื่องมือ แลบ สถานที่ฝืกงานเช่น โรงพยาบาล ห้องสมุด บรรยากาศการสัมมนา โครงการแลกเปลี่ยนกับต่างชาติ มหาวิทยาลัยเอกชนเทียบมหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้ ความพร้อมไม่มี
 ที่จุฬา รายจ่าย50% มาจากรายได้ทรัพย์สืนมหาวิทยาลัย อีก 30% มาจากงบประมาณ อีก 20% มาจากค่าหลักสูตร เงินวิจัยที่อาจารย์หากันมา ค่าเทอมนิสิตน้อยมาก
 
 สาม บรรยากาศ ความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวก สบาย เช่น สภาพแวดล้อม
 ความปลอดภัย อาหาร ราคาอาหาร ที่พัก ราคา ต่างจากมหาวิทยาลัยของรัฐมาก
 
 สี่ มหาวิทยาลัยของรัฐจะมีอาจารย์ประจำคับคั่ง หลากหลายสาขา มีอิสระเสรีในการปรับหลักสูตรทุกสองสามปี วิชาเดิมแต่เนื้อหาเปลี่ยนทุกปี ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนต้องมีคณะกรรมการภายนอก อาจารย์จากมหาวิทยาลัยของรัฐ แก่ๆ เข้ามาติดตามเกรด นักศืกษาโดยเฉลี่ยจะได้คะแนนต่ำ
 
 ห้า หลักสูตรของมหาวิทยาลัยเอกชนจะล้อตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยรัฐ เพื่อเทียบเคียง ให้ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการอุดมศืกษา การเปลี่ยนหลักสูตร เพิ่มหลักสูตร เปลี่ยนเนื้อหาทำได้ยากมาก ใช้เวลาเป็นปีสองปี ส่วนมหาวิทยาลัยของรัฐเปลี่ยนกันเองได้เลย หลักสูตรจำนวนมากจืงโบราณมาก
 
 หก อาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยเอกชนค่อนข้างขาดงานวิจัยอย่างแรง อาจารย์น้อย โหลดงานหนัก ทุนไปต่างประเทศไม่มี ซื่งมีผลต่อเนื้อหาที่จะสอนนักศืกษามาก
 
 กรณีของผมที่เล่าให้ฟังเมื่อวาน เนี่ย เป็นกรณีพิเศษ ไปสอนสนุกๆ เปลี่ยนบรรยากาศ แล้วสอนแบบนอกกรอบ 55 ความจริงก็คือ มหาวิทยาลัยเอกชนส่วนใหญ่ยังพยายามเอานักว่ายน้ำไปสอนยกน้ำหนักอยู่นั่นเอง ซื่งไม่มีทางสู้ได้
 
 มหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่งมีปัญหาสิ่งแวดล้อม ภายนอก ภายในอยู่เหมือนกัน
 
 มหาวิทยาลัยเอกชนที่ทำวิจัยเรื่องเศรษฐกิจ บริหารธุรกิจมาก คือ หอการค้าไทย บัญชีที่นี่มีชื่อเสียง มีอาจารย์ส่งไปเรียนนอกกลับมาเยอะ
 
 เอแบกเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในวงการธุรกิจ ภาษาศาสตร์ แต่แพงนะครับ
 
 สิ่งสำคัญคือ จะต้องสอนหลากหลายอาชีพที่คนไม่รู้จัก
 ผมหวังว่า มหาวิทยาลัยเอกชน จะต้องสื่อสารบอกสังคม เรื่องต่อไปนี้
 
 รายชื่ออาจารย์ ตามจริง
 ค่าใช้จ่ายในการศืกษา
 ตัวเลขการลาออกของนักศืกษา
 ตัวเลขผู้สำเร็จการศืกษาเทียบกับที่เข้าเรียน
 รายงานการมีงานทำและรายได้
 
 กระทรวงศืกษาต้องเปลี่ยนทัศนคติเยอะเลย
 ผมพูดความจริงทั้งหมดแล้วนะครับ
 |  |  | 
					| 28 เม.ย. 57 / 08:52 |  | 
0   0 jaguar ![[icon smile : 92 bytes]](img/icon-smile.gif) (6859)  : n/a : n/a : n/a |  |  | 
					|  |  | 
					|  | 
					| 
						
							| view  2538 : discuss 1 :  rating - : bookmarked 0  : vote 0 | 61.90.0.43 |  |