|
|
|
" อันซีนอินฮ่องกง การประชุมระดับนานาชาติ (3) " |
|
|
อันซีนอินฮ่องกง การประชุมระดับนานาชาติ (3)
เก่ง วงศ์กล้า
keng_wongkla@hotmail.com
ความจริงประการหนึ่งก็คือ การเข้าร่วมประชุมเพื่อนำเสนอบทความวิจัย ถูกแปรสภาพไปเป็นเพียง ข้ออ้าง ของการเดินทางออกนอกประเทศ ภายหลังจากจดหมายตอบรับ ถูกส่งถึงกระผมทางอีเมลล์ได้ไม่นานนัก
อกเหนือจากสารพัดเมนูอาหาร ที่ สิงห์หนองจอก แกพอที่จะรำลึกนึกขึ้นได้ เพื่อนำมากระเซ้าเย้าให้น้ำลายของกระผมไหลเล่นแล้ว
โปรแกรมการท่องเที่ยว ซึ่งพี่ท่านเปิดดูเอาจาก คู่มือเที่ยวตามใจชอบ ของ สำนักพิมพ์ ทิบ ไทย อินเตอร์ บุ๊ค ก็ถูกลำดับมายาวเหยียด ละเอียดยิบ ตั้งแต่สองโมงเช้า ถึงเกือบสองยาม ตลอดทริป 4 วัน 3 คืน
ถ้าท่านกำลังคิดถึงโปรแกรมอย่างปรกติ ที่บริษัททัวร์หรือคนไทยทั่วๆ ไป นิยมจัดกันเวลาข้ามน้ำข้ามทะเล ไปเยี่ยมเยือนเขตบริหารพิเศษของจีน อดีตเกาะเช่าของอังกฤษแห่งนี้หละก็ ลืมมันไปได้เลย
นี่มันบทความชุด อันซีนอินฮ่องกง นะครับ อะไรที่ดูแล้วไม่แปลกตา ไม่โดนใจ ไม่เจ๋งจริง หาดูได้ดาษดื่นในเมืองไทย กระผมรับรองว่า จะไม่นำมาเล่าสู่กันฟังให้หน้าแตกอย่างแน่นอน
แม้แพคเกจที่ ดร.ชยงการ ภมรมาศ จัดหามา จะทำให้พวกเราได้ที่พักหรูหรา เดินทางสะดวกสบาย เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนนาธาน แหล่งช็อปปิ้งสำคัญของฝั่งเกาลูน ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจอร์แดนเพียงไม่กี่ก้าว อย่าง พรูเดนเชียล
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่า วินโดว์ช็อปปิ้งนับร้อยๆ ร้านบนถนนสายนี้ นอกจากจะไม่สามารถดูดเงินออกจากกระเป๋าของพวกเราได้สักแดงแล้ว ยังไม่สามารถแม้แต่จะดึงเวลาของพวกให้มัวมาหลงเดินด้วยซ้ำ
ฮ่องกงเวทแลนด์ปาร์ค หรืออุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำ ย่านนิวเทอร์ริทอรี่ส์ เขตชนบทไกลปืนเที่ยงซึ่งเพิ่งได้รับการพัฒนาปรับปรุง จนกลายมาเป็นเมืองใหญ่แห่งใหม่ไม่นานมานี้โน่นแน่ะครับ โปรแกรมแรกของพวกเรา
เรียกว่าเดินชมนกชมไม้แท้ๆ เพราะนอกจากนกกับต้นไม้แล้ว ก็แทบจะไม่มีอะไรอีกเลย ทางเดินไม้ระแนงเนื้อแข็ง บนแอ่งน้ำแต่พอแฉะๆ กับกลุ่มทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนอายุเฉลี่ยไม่เกิน 12 ขวบ
เวลาร่วม 2 ชั่วโมงกับบรรยากาศชิลๆ ยามสาย ใจหนึ่งก็คิดว่า เออ... มันก็มีมุมอย่างนี้อยู่ในฮ่องกงเหมือนกันนะ อากาศสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า นี่พี่เขาพาเรามาเดินดูอะไรเนี่ย ? เมื่อยครับเมื่อย !
โปรแกรมที่สอง ได้แก่ เส้นทางสายประวัติศาสตร์ Ping Shan ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง เนื่องจากเป็นทางผ่าน ขากลับไปยังโรงแรมที่พักพอดี
ใช้เวลาอีกราวชั่วโมงกว่าๆ เริ่มจาก เจดีย์ Tsui Sing Lau ที่ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง ต่อด้วย ศาลเทพเจ้าดิน ซึ่งชาวบ้านเขาเชื่อว่าจะคอยปกป้องบ้านเรือนของเขา
เขยิบไปอีกหน่อยก็จะถึง Sheung Cheung Wai กำแพงเก่าแก่ของหมู่บ้าน อายุราว 200 ปี บ่อน้ำ สาธารณะ วัด Yeung Hau หนึ่งใน 6 วัดของ Yuen Long ที่สร้างเพื่ออุทิศให้แก่เทพเจ้า Hua Wong, Kam Fa และ To Tei
โถงบรรพบุรุษสกุลถัง ทั้งที่สร้างขึ้นโดยทายาทรุ่นที่ 5 และรุ่นที่ 12 ก่อนจะถึง โถงเรียนของหมู่บ้าน รวมถึงที่พักของผู้มาเยือน ที่เรียกว่า Ching Shu Hin
กระทั่งจบลงที่ วัด Hung Shing ที่เผอิญปิดซ่อม เนื่องจากโดน ปลวกกิน
ตัดตอนกล่าวกันเฉพาะตรงนี้ ต้องขอยืดอกภูมิใจในสิ่งที่ประเทศไทยของเรามีอยู่ทุกวันนี้จริงๆ ครับ ว่าเหนือว่าเจ้าเกาะเล็กๆ แห่งนี้มากมายหลายขุม เรียกว่าเทียบกันไม่ติดฝุ่นทีเดียว
อุทยานที่อุตส่าห์เดินกันจนหอบ ถ้ามาอยู่ในบ้าน ก็เป็นได้แค่แหล่งน้ำแฉะๆ ที่นกมาหาอาหารธรรมดาๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับเส้นทางประวัติศาสร์บ้าบออะไรนั่น อายุแค่สองร้อยปี แถมถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ก็หมู่บ้านเก่าๆ นั่นเอง
อุทยานประวัติศาสตร์ อดีตราชธานีอย่าง สุโขทัย หรือ อยุธยา เก่าแก่กว่าไม่รู้จักกี่เท่าต่อกี่เท่า
หากแต่ว่า เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็ให้อดอับอายไอ้เกาะเล็กๆ นี่ไม่ได้เหมือนกัน ที่เราไม่เคยจะสนใจ ใส่ใจดูแลรักษาสิ่งที่เรามีเหนือกว่าเขามากมายเหล่านั้นให้ดีได้
อุทยานใหญ่ๆ โตๆ จำนวนมากของบ้านเรา หากจะทำให้มันดูดี มีความปลอดภัยเหมือนของเขา ก็ยังไม่เห็นจะมีได้สักแห่ง ยิ่งเส้นทางประวัติศาสตร์ด้วยแล้วหละก็ ที่ไหนที่นั่น กลายเป็นตลาดนั้นทุกทีไป มีแต่แม่ค้า แต่ขาดสตอรี่
ไอ้ที่เราต้องถ่อไปเที่ยวถึงฮ่องกงรอบนี้ เฉพาะ 2 จุดนี้นะครับ ถ้าใครอยากจะไปเดินๆ ดูบ้าง ก็จะต้องบอกว่า ไม่ใช่ดูสิ่งที่ปรากฎ แต่ดูในสิ่งที่ไม่ปรากฎ นั่นก็คือ การจัดการ ของเขาแท้ๆ
วิธีคิดอะไร จึงทำให้เขาพาเด็กๆ อายุไม่น่าเกิน 12 ขวบ ไปเดินดู รวมถึงฟังบรรยายอย่างเป็นเนื้อเป็นน้ำ ในเขตอนุรักษ์อันน้อยนิด
วิธีคิดอะไร จึงทำให้เขาสร้างเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ได้จากแค่หมู่บ้านเก่าๆ ซึ่งก็ยังอยู่รวมเป็นเนื้อเดียวกับชุมชนปัจจุบันได้อย่างเป็นเนื้อเดียว
กำแพงชุมชนที่กล่าวกันว่ามีอายุกว่า 2 ศตวรรษ ถ้าไม่ไปเห็นกับตา ก็คงไม่เชื่อหรอกครับ ว่าส่วนหนึ่ง มันได้กลายสภาพเป็นที่พักอาศัย เจาะผนักติดแอร์กันหน้าตาเฉย กำแพงก็แชร์กันกั้นกับบ้านชาวบ้านธรรมดานี่แหละ
ไม่เห็นต้องประกาศให้เป็นโบราณสถาน หวงห้ามให้หน่วยงานรัฐ อย่างบ้านเราก็เห็นจะได้แก่ กรมศิลปากร เท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าไปจัดการดูแล
หากใครคิดท้วงในใจว่านี่ยังไม่เหนือ ไหนออกตัวกันไว้แรง ก็ขอบอกว่า นี่แค่น้ำจิ้มครับ ของจริงมันอยู่ที่อีก 2 แห่งที่เหลือต่างหาก
โปรแกรมที่ 3 เชื่อว่าใครหลายคนที่มีโอกาสเดินทางไปฮ่องกงมาบ้างแล้ว ก็น่าจะมีโอกาสถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันมาบ้าง นั่นก็คือ The Peak
ยอดเขาสูง 1,713 เมตร คือจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน เกือบทั้งหมดของคนที่ยังมีสติปรกติ ก็จะตัดสินใจซื้อตั๋วรถราง ขึ้น-ลง ค่าโดยสารก็อยู่ที่ 40 ดอลล่าร์ฮ่องกง คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 160 บาท
สำหรับคนที่สติผิดปกติไปตามสมควรอย่างพวกกระผม ตีตั๋วแค่ 28 ดอลล่าร์ฮ่องกง สำหรับขาขึ้นครับ ส่วนขาลงนั้น... ขาลาก เดินเลาะตามทางไหล่เขา เรียบบ้าง ขรุขระบ้าง ไต่ๆ กันลงมาครับ เบ็ดเสร็จร่วม 3 ชั่วโมง
ท้ายสุด สุดท้าย สำหรับการเดินทางครั้งนี้ โปรแกรมที่เรียกว่าหินสุด สุดหินไม่แพ้เดอร์พีค ก็คือ วัดพระหมื่นองค์
งานนี้ไม่มีรถราง ไม่มีบันไดเลื่อน อาศัยขาล้วนๆ ครับ ทั้งขึ้นและลง สูงแค่ไหนก็ลองจินตนาการกันดู ว่าพระหมื่นองค์ที่ว่า เขาประมาณเอาจากพระพุทธรูปที่อยู่ในวัด จำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่ข้างทางขึ้นเขานั่นแหละ
ถ้าจะบอกว่านี่เป็นเช้าของวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเมืองไทย วันที่คนส่วนใหญ่คงใช้เวลากับการเก็บตกซื้อของฝาก การกระทำเช่นนี้ก็ว่าประหลาดแล้ว
แต่มันจะดูธรรมดามากคับ เมื่อทุกท่านได้ขึ้นไปเห็นในสิ่งที่ผมจำมาให้ดูกัน...
ศาลพระพรหม เทพเจ้าในศาสนาฮินดู แต่อยู่ในวัดจีน ศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ท่ามกลางหมู่มวลเทพผิวขาวๆ เหลืองๆ ตาตี่
ไม่มีเสียงแตกแน่นอนครับ ทุกคนคิดตรงกันว่า งานนี้ ถ้าไม่ใช่ฝีมือคนไทย คงไม่มีชาติใดในโลก ที่อุตริทำแบบนี้ได้ !
--------------------------------------
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 หน้า 6 |
|
|
07 ก.พ. 55 / 22:00 |
|
0
0
|
|
|
|
|
|
view 2040 : discuss 2 : rating - : bookmarked 0 : vote 0
|
27.130.150.162
|
|
|
|