|
|
|
" ปรับน้ำหนักคะแนน แอดมิชชั่น ปี 2556 " |
|
|
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธาน ทปอ. กล่าวภายหลังประชุม ว่า ทปอ.มีมติเห็นชอบปรับค่าน้ำหนักขององค์ประกอบกลุ่มสาขาวิชาในการแอดมิชชั่น ปีการศึกษา 2556 ในบางสาขา
กลุ่มที่ 1 วิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่ปรับ คือ สัตวแพทยศาสตร์ สหเวชศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา คะแนนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ GPAX 20% O-NET 30% GAT 20% PAT2 30%
เภสัชศาสตร์ GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% และPAT2 40%
กลุ่มที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ ปรับสาขา วิทยาศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ GPAX 20% , O-NET 30%, GAT 10% และPAT1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ 10% และPAT2 30%
สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% ,PAT1 20% และ PAT2 20%
กลุ่มที่ 5 เกษตรศาสตร์ ปรับสาขา เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมการเกษตร วนศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร GPAX 20% O-NET 30% GAT 10% และPAT1 10% และPAT2 30%
กลุ่มที่ 7 ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ พลศึกษา สุขภาพ รูปแบบที่ 1 GPAX 20%, O-NET 30% ,GAT 10% และPAT5 30%
รูปแบบที่ 2 GPAX 20% , O-NET 30% ,GAT 10% และPAT5 20% และต้องเลือกสอบ PAT 1/2/3/4/6/7 วิชาใดก็ได้ 1 วิชา
กลุ่มที่ 8 ศิลปกรรมศาสตร์ ปรับ สาขา วิจิตรศิลป์ ศิลปะประยุกต์ ดุริยางศิลป์ นาฎศิลป์ ศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ และศิลปะการออกแบบหัตถอุตสาหกรรม GPAX 20% , O-NET 30%, GAT 10% และเลือกสอบPAT4 หรือ 6 เพียง 1 วิชา 40%
กลุ่มที่ 9 มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขา นิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ มนุษยศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมวิทยา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ปรับพื้นฐานวิทยาศาสตร์ GPAX 20%, O-NET 30%, GAT 30% และPAT1 20% พื้นฐานศิลปะศาสตร์ รูปแบบที่ 1 ไม่มีการปรับเปลี่ยน รูปแบบที่ 2 GPAX 20% ,O-NET 30% ,GAT 30% และPAT7 20%
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ค่าน้ำหนักองค์ประกอบที่ปรับครั้งนี้จะใช้ในการแอดมิชชั่นปีการศึกษา 2556 โดยการปรับดังกล่าว เพื่อให้คณะสามารถคัดเลือดเด็กได้ตรงตามความถนัดที่แท้จริง และถือว่าเป็นการปรับเล็ก ไม่ใช่การปรับใหญ่ดังนั้น ทปอ. ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ทราบล่วงหน้า 3 ปี ส่วนการปรับองค์ประกอบแอดมิสชั่นส์ใหญ่นั้น ทปอ.ยังไม่ได้หารือ ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรปรับบ่อยเพราะจะทำให้เกิดความสับสนและไม่เป็นธรรมแก่เด็ก แต่หากใช้ไปสักระยะแต่พบว่าเกิดปัญหาก็ค่อยปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป
กรณีที่ รมว.ศึกษาธิการ ระบุว่าอยากให้มหาวิทยาลัยดูแลตัวเอง โดยเฉพาะมหาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้วก็ไปปรับค่าบริการต่าง ๆ และใช้งบรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นค่าใช้จ่ายนั้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยก็พึ่งตนเองเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่ประเด็นที่ รมว.ศึกษาธิการ พูด คืออยากให้มหาวิทยาลัยไประดมทุนจากศิษย์เก่า ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะหมายความถึงการขึ้นค่าหน่วยกิต แต่การขึ้นค่าหน่วยกิตก็มีความจำเป็น เพราะบางแห่งค่าหน่วยกิตเพียง 300 บาท แต่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตนักศึกษาแต่ละคนอยู่ที่ 800-1,000 บาทต่อหน่วยกิต ดังนั้นหากมหาวิทยาลัยที่มีรายได้ไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องขึ้น แต่สำหรับบางแห่งที่ยังมีรายได้ไม่เพียงพอการขึ้นค่าหน่วยกิตก็เป็นสิ่งจำเป็นประธาน ทปอ. กล่าว
--------------------------------------------------------------------------------
Credit http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000022461 |
|
|
18 ก.พ. 55 / 20:30 |
|
0
0
jaguar (6859) : n/a : n/a : n/a |
|
|
|
|
|
view 3824 : discuss 1 : rating - : bookmarked 0 : vote 0
|
124.121.51.246
|
|
|
|